น้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ ดูแลอย่างไรไม่ให้เสี่ยงเบาหวาน

ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสุขภาพอย่างมากสำหรับหลายคน เพราะนั่นหมายถึงความผิดปกติของกระบวนการดูดซึมในร่างกายที่ส่งผลต่อการดูดซึมของน้ำตาลในเลือด ทำให้หลายคนประสบกับปัญหาของโรคเบาหวาน และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักดูดไขมันทั้งตัวกับค่าระดับน้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ ตลอดจนค่าระดับของน้ำตาลในเลือดสูง ที่เราควรจะควบคุมดูแลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

น้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ จึงไม่อันตรายต่อสุขภาพ

แน่นอนว่าภาวะของระดับน้ำตาลสูงอันเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้น เกิดจากการที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลินหรือระบบเผาผลาญ ส่งผลให้อินซูลินในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าหากคุณกำลังประสบปัญหาน้ำตาลในเลือดสูง ในขั้นตอนของการดูแลตนเองเบื้องต้น คุณต้องควบคุมพฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง โดยให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะไม่เกิน 100  มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งถ้าค่าระดับน้ำตาลของท่านอยู่ในเกณฑ์นี้จะถือว่า ระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ แต่ถ้าหากระดับน้ำตาลเกิน 100 ถึง 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะเกิดความผิดปกติของค่าระดับน้ำตาล ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคเบาหวานได้ แต่เมื่อใดที่ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป แสดงว่าคุณอาจเป็นโรคเบาหวานได้ ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัดนั่นเอง

อาการของผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง

ผู้ที่มีอาการระดับน้ำตาลในเลือดสูง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวาน มีอาการดังต่อไปนี้

  • ปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางคืน
  • ดื่มน้ำบ่อย มีความกระหายน้ำอย่างมาก
  • เหนื่อยง่าย ร่างกายเกิดการอ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ และวิงเวียนศีรษะ
  • น้ำหนักลดอย่างกะทันหัน
  • บริเวณที่เป็นแผลจะหายช้า
  • หายใจลำบาก หายใจสั้น หรือมีอาการหายใจไม่อิ่ม
  • ปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสีย

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวาน

น้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่เราได้รู้กันไปแล้ว และได้ทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน ในขั้นตอนนี้เราจะมาบอกถึงวิธีการตรวจวินิจฉัยหาโรคเบาหวานกัน ซึ่งหากคุณมีอาการที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว เมื่อคุณมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการวินิจฉัยดังต่อไปนี้

1.ตรวจระดับน้ำตาลแบบสุ่มตรวจ

ลักษณะของการตรวจเช่นนี้จะเป็นการสุ่มตรวจด้วยการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วเวลาใดก็ได้ ซึ่งค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ได้ต้องอยู่ในระหว่าง 70 ถึง 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เพื่อไม่ให้ผลการตรวจมีความคลาดเคลื่อน และให้มีผลยืนยันที่ชัดเจนกว่านี้ ต้องมีการตรวจด้วยวิธีการเจาะเส้นเลือดใหญ่เพื่อนำผลมาวินิจฉัยอีกรอบ

2.ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง

การตรวจเลือกในลักษณะนี้เป็นการตรวจด้วยวิธีเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้ว ซึ่งจะตรวจในช่วงเช้า หลังจากผู้ตรวจอดอาหารมานานกว่า 8 ชั่วโมง โดยค่าระดับน้ำตาลที่ได้ต้องไม่เกิน  100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้าหากตรวจได้อยู่ในระดับ 100 ถึง 125   มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ต้องทำการตรวจซ้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

3.ตรวจหาค่าระดับน้ำตาลเฉลี่ยที่สะสมอยู่ในร่างกาย

การตรวจในลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการตรวจด้วยการเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่บริเวณข้อพับแขน ซึ่งเป็นการตรวจหาระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด ช่วงเวลา 2-3 เดือน และต้องมีค่าระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำกว่า 5.7 เปอร์เซ็นต์ จึงจะถือว่าเป็นปกติ แต่ถ้าหากน้ำตาลกลูโคสในเลือดอยู่ระหว่าง 5.7 ถึง 6.4 เปอร์เซ็นต์ จะถือว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน แต่ถ้าหากระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงถึง 6.5 ขึ้นไป นั่นหมายถึงท่านเป็นโรคเบาหวานแล้วนั่นเอง แต่การตรวจในลักษณะนี้จะเป็นการตรวจที่ต้องอดอาหารเช่นเดียวกัน

วิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้น้ำตาลในเลือดปกติ

การปฏิบัติตนเพื่อให้น้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะที่เป็นปกตินั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างเพื่อหลีกเลี่ยงอาการของโรคเบาหวาน วันนี้เราจะมาแนะนำให้ท่านได้รู้ดังต่อไปนี้

1.หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวาน ตลอดจนควรเลี่ยงอาหารประเภทแป้งด้วย เพราะอาหารดังกล่าวร่างกายจะย่อยแล้วแปรเป็นน้ำตาลในที่สุด นอกจากนี้ ในส่วนของผลไม้และเครื่องดื่มรสหวานก็ควรเลี่ยงด้วยเช่นกัน

2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง และช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้

3.เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันโรค ทั้งยังจะได้ควบคุมดูแลสุขภาพไม่ให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย

4.ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มคาเฟอีนที่เป็นผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

5.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความอ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการที่เสี่ยงต่อการเกิดระดับน้ำตาลในเลือดสูง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วเพื่อทราบค่าของระดับน้ำตาลในเลือดของท่าน ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงหรือไม่ โดยเฉพาะใครที่อยากรู้ว่าน้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ ก็อาจจะได้สอบถามข้อมูลที่แน่ชัดจากแพทย์ร่วมด้วย ซึ่งถ้าหากอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงก็จะได้รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตัวเองใหม่ต่อไป

By beauty