ปวดกรามเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่ง ที่มักจะเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง โดยอาการปวดกรามนั้น ทุกคนมักจะคิดว่าเป็นปัญหาที่ฟันอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงการปวดกรามมีได้หลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ มีความเชื่อมโยงกับหู, ขากรรไกร และจมูก เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ทุกคนต้องศึกษาอาการไว้ก่อน เพื่อเตรียมแนวทางในการรับมือกับดูดไขมันสิ่งที่เกิดขึ้น
แนะนำ 5 อาการปวดกราม แนวทางสังเกตตนเอง
การปวดกราม แพทย์จะแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ แต่ที่คนไทยพบบ่อยมาก คือ การปวดทั้งสองข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่ง บางรายจะมีเสียงกึก ๆ ขณะที่เคี้ยวอาหารหรืออ้าปากกว้าง และยังมีอาการร่วมต่อไปนี้
- มีอาการปวดหัวและใบหน้าข้างที่มีปัญหา
- รู้สึกว่าปวดกรามและความเจ็บปวดก็จะลามไปที่กกหู บางรายมีอาการหูอื้อตามมาด้วย
- อ้าปากหรือการขยับปากทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทานอาหารหรือพูดได้ยาก
- บริเวณที่กรามของคุณรู้สึกตึง ขยับยาก
- เมื่อนำนิ้วไปกดที่บริเวณขากรรไกร จะรู้สึกเจ็บและปวดมาก
- มีอาการปวดขึ้นมาอย่างรุนแรงแบบกะทันหัน หลังจากที่เคี้ยวอาหารเข้าไป
หากทุกคนมีอาการข้างต้น แม้จะไม่ครบทุกข้อ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและตรวจหาที่มาของอาการชัดเจน เนื่องจากมีปัญหาเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดอันตรายกับทุกคนได้
พร้อมรับมือ 5 สาเหตุของอาการปวดกราม พบบ่อยที่สุด
อาการปวดกรามจากที่แพทย์ได้วินิจฉัยผู้ป่วยนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับกรามมีการติดเชื้อ และการนอนกัดฟันตนเองเป็นเวลานาน ทั้งยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทุกคนต้องเฝ้าระวังต่อไปนี้
- เกิดความผิดปกติที่บริเวณของขากรรไกร เนื่องจากข้อต่อของขากรรไกรจะอยู่ในบริเวณตำแหน่งกรามของทุกคน หากในตำแหน่งขากรรไกรมีอาการปวด ก็เหมือนตำแหน่งเดียวกับกราม หลายคนจึงคิดว่ากรามมีปัญหา ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ไม่ว่าจะปวดมากหรือน้อย ก็ต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์เสมอ
- โรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งการเป็นโรคดังกล่าวจะมีความเชื่อมโยงกับกรามโดยตรง เพราะหากเลือดไปเลี้ยงที่อกของผู้ป่วยในบริเวณด้านซ้ายไม่พอแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยก็จะมีอาการปวดกรามขึ้นมาทันที บางรายก็จะปวดหัวและอาเจียน ดังนั้นหากปวดกรามแบบเฉียบพลันและมีอาการอยากจะอาเจียน เหนื่อย หอบ แน่นที่อก ต้องรีบรักษา เผื่อมีโรคดังกล่าวแฝงมา หรือบางคนมีโรคอยู่แล้ว ก็ต้องเฝ้าระวังอาการขาดเลือดรุนแรง
- อาการไซนัสอักเสบ ซึ่งหลายคนก็มักจะไม่เข้าใจ ไซนัสมีความเกี่ยวโยงกับกรามยังไง ต้องอธิบายว่าการที่ไซนัสอักเสบ ติดเชื้อ มีหนองต่าง ๆ จะไปเกี่ยวโยงกับขากรรไกร ดังนั้นก็จะเกิดการปวดที่ขากรรไกร หากมองที่ภายนอก หลายคนก็คิดว่าเป็นการปวดกราม แต่ความจริงจุดปวด คือ กรามและมีสาเหตุที่ไซนัสอักเสบนั่นเอง
- โรคปวดประสาทบริเวณใบหน้า เป็นอาการที่เส้นประสาทของใบหน้ามีความผิดปกติ ทำให้ทุกคนรู้สึกปวดและอาการปวดในกลุ่มนี้ จะไม่ปวดที่กรามตำแหน่งเดียว มักจะปวดทั้งใบหน้า แต่ที่กรามก็จะรุนแรงมากกว่าที่อื่นนั่นเอง
- ปวดฟัน เป็นสาเหตุยอดนิยมที่สุดของการปวดกราม ซึ่งอาการปวดกรามจะเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่คนไข้มีภาวะของฟันผุที่รุนแรงมาก ชนิดที่ติดเชื้อถึงเส้นประสาทฟัน หรือบางรายมีหนอง จะทำให้มีอาการปวด
แนะนำ 4 แนวทางในการรักษาอาการปวดกราม จากการกัดฟัน
ปวดกรามมีหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่น่าสนใจ คือ การกัดฟัน เพราะถ้าเกิดจากโรคต่าง ๆ แพทย์สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ ทว่าการกัดฟันเป็นพฤติกรรมที่หลายคนก็กระทำไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นมาดู 4 แนวทางของการรักษา ต่อไปนี้
- ให้คนไข้ใส่ฟันยาง เป็นเครื่องมือที่ทำจากพลาสติก แพทย์จะให้คนไข้ใส่ที่ฟันบน–ล่าง เพื่อลดการกระทบกันของฟัน เมื่อคนไข้กัดกรามและลดพฤติกรรมไปได้ในตัว โดยเครื่องมือดังกล่าว สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา
- การเติมโบท็อกซ์ หลายคนมักจะคิดว่าการทำโบท็อกซ์เกี่ยวกับหน้าตึงและกระชับอย่างเดียว จริง ๆ แล้วการฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณกราม สามารถลดอาการปวดได้ดี แต่ข้อจำกัดเป็นการรักษาที่ไม่ยืนยาว เพราะอยู่ได้ไม่กี่เดือน แต่ทุกคนจะลดอาการเจ็บได้มากแทบจะทันทีเลยทีเดียว
- ใช้ยาคล้ายกล้ามเนื้อ แพทย์จะสั่งยาคลายกล้ามเนื้อ ไม่ให้รู้สึกตึงที่กรามมากและอาการปวดก็จะเบาลง แต่ก็ยังไม่หายขาด จนกว่าจะเลิกพฤติกรรมกัดกรามได้
- การผ่าตัดกราม เป็นแนวทางสุดท้ายที่แพทย์จะใช้ในการรักษา จะทำให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการปวดกรามรุนแรง และโครงสร้างของขากรรไกรที่เป็นเหตุ หรือกรามผิดปกติเท่านั้น ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้เลย ก็ต้องใช้การผ่าตัด แต่มีเคสที่ถึงการผ่าตัดน้อยมาก
ดังนั้นในการรักษาไม่จำเป็นต้องกลัวแพทย์ หากรู้สึกว่าตนเองมีความผิดปกติใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกราม รีบไปปรึกษาเพื่อจะได้รักษาได้ทันเวลา อาการก็จะไม่รุนแรงและการรักษาก็จะหายได้ง่าย หรือบางคนมีโรคแทรกซ้อนอยู่ก็จะได้ทราบตัวเอง และเข้ารับการรักษาให้ถูกโรคในลำดับต่อไปนั้นเอง ค่าใช้จ่ายไม่ได้แรงอย่างที่คิด อย่ากลัว! ให้รีบรักษาดีที่สุด