อาการ เรอบ่อย ตดบ่อย ของคนเป็นกรดไหลย้อน ควบคุมไม่ได้ทำยังไงดี

ปัญหาโรคแตกของคนเป็น “กรดไหลย้อน” มักจะเข้าใจกันดีเนื่องจากมีลมในกระเพาะอาการมากกว่าปกติ นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ใช้ชีวิตลำบากแล้ว อาการเรอบ่อยสามารถบอกอะไรเราได้อีก วันนี้เราจะพาทุกคนไปไขปัญหาเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อนให้กระจ่าง

เรอบ่อย กับ โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนเป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้นกับวัยหนุ่มสาว เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติได้ แต่จะเกิดเป็นช่วงเวลา เช่น เวลากลางวันหรือกลางคืน ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการระคายเคืองจากกรดในกระเพาะ หลอดอาหารอักเสบจากการมีแผลบริเวณนั้น มีลมในกระเพาะมากเป็นพิเศษทำให้เกิดอาการเรอบ่อยและตดบ่อย นอกจากนี้อาจจะทำให้หูรูดของหลอดอาหารเกิดความผิดปกติส่งผลให้เกิดอาการทางปอดหรืออาการทางคอหรือกล่องเสียงได้

อาการ เรอบ่อย จากกรดไหลย้อนจะกำเริบเมื่อไหร่ ?

อาการมักจะกำเริบตอนที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารมื้อหนักแต่ไม่ยอมพักเลือกที่จะไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ เช่น การนอนทันทีหลังทานอาการ การยกของหนัก การออกกำลังกาย จะทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ลามขึ้นมาที่หน้าอกและลำคอ เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ หายใจลำบาก เรอบ่อย ตดบ่อย และ เจ็บคอ เป็นต้น

สาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน

  • โรคอ้วน หลังจากที่ร่างกายเกิดชั้นไขมันบริเวณหน้าท้องจำนวนมากจะทำให้เกิดการดันของกระเพาะอาหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกรดไหลย้อนมากขึ้น
  • ตั้งครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์จะทำให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง หูรูดบริเวณหลอดอาหารคลายตัวบ่อยมากกว่าปกติ รวมถึงการเจริญเติบโตของทารกที่ทำให้มดลูกไปเบียดกับกระเพาะอาหาร เสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนได้ แต่อาการของโรคจะไม่ส่งผลต่อทารกในครรภ์แต่อย่างใด
  • ความเครียด ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดอาหารมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ทำให้มีความเปราะบาง ง่ายต่อการเกิดกรดไหลย้อน
  • การรับประทานอาหาร มักจะเกิดจากอาหารที่มีปริมาณกรดมาก เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม อาหารรสจัด หรือ ผลไม้รสเปรี้ยว เป็นต้น เพราะจะทำให้เกิดอาการสะสมของกรดในกระเพาะอาหารจนเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนได้
  • การสูบบุหรี่ ทำให้ปริมาณน้ำลายลดลงซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดกรด อีกทั้งยังทำให้หูรูดที่กั้นกระเพาะอาหารและหลอดอาหารเกิดอาการคลายตัวและอ่อนแอลง ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปในบริเวณหลอดลมได้ จึงเกิดอาการกรดไหลย้อน
  • การนอนหลังจากทานอาหาร โดยเฉพาะการนอนหงายที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นกรดไหลย้อนได้มากที่สุด เนื่องจากกรดในกระเพาะอาการยังคงค้างอยู่ในกระเพราะ ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนตามมา

เปลี่ยนการใช้ชีวิตเพื่อจบปัญหา “กรดไหลย้อน”

  • ปรับพฤติกรรมการกิน เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ งดแป้ง งดน้ำตาลที่ไม่จำเป็น ที่สำคัญงดการดื่มน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ที่เต็มไปด้วยกรด ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ อาหารที่ควรกินคืออาหารที่มีกรดน้อย เช่น ขนมปังโฮลวีท ผัก ผลไม้ และ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น นอกจากนี้ควรงดการทานอาหารช่วงก่อนนอนอาจจะเสี่ยงให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้
  • ปรับพฤติกรรมการนอน ไม่ควรนอนหลังจากกินอาหารภายในเวลา 3 ชั่วโมง พยายามนอนหมอนสูงเพื่อป้องกันการกรดไหลย้อน แนะนำให้นอนตะแครงฝั่งซ้ายจะมีกว่านอนตระแครงฝั่งขวาที่อยู่ด้านเดียวกับกระเพาะอาหารนอกจากนี้ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • ออกกำลังกาย จะช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจ การทำงานของปอด ลดไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
  • งดบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบได้ง่าย หากรู้สึกอยากบุหรี่แนะนำให้ซื้อลูกอมหรือหมากฝรั่งมาเคี้ยวจะช่วยลดอาการโหยได้ดี
  • ลดความเครียด สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การทำกิจกรรมที่ชอบ การพูดคุยกับผู้อื่น หรือบางรายที่ไม่สามารถหาวิธีบรรเทาความเครียดด้วยตัวเองได้สามารถปรึกษาจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

โรคกรดไหลย้อนนอกจากจะทำให้เกิดอาการ จุก เสียด แน่นท้อง เรอบ่อย ตดบ่อย ยังทำให้ผู้ป่วยเสียบุคลิกภาพ ไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตในสังคม หากรู้ว่าตนเองเป็นโรคนี้ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตทั้งด้านการกิน การนอนและการบริหารความเครียด หากพบว่ามีอาการอื่น ๆ แทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น อาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หายใจไม่ออก หรือ อาเจียนอย่างรุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง

By beauty